:- บทความภาพยนตร์ -:
-> ภาษาภาพยนตร์ (ตอนต้น) <-


:. ภาษาภาพยนตร์ .:

.....ภาษา หมายถึง ระบบสัญลักษณ์ และหรือระบบสัญญลักษณ์ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน
.....ภาษาที่มนุษย์ใช้ติดต่อสื่อสาร แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
.....1.ภาษาที่ใช้ถ้อยคำหรือวัจนภาษา (Verbal Language) หมายถึง ภาษาพูดหรือภาษาที่ออกเสียงเป็นถ้อยคำ หรือประโยคที่มีความหมายสามารถเข้าใจได้ เช่น คำพูด คำสนทนา ภาษาเขียน เป็นต้น
.....2.ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคำหรืออวัจนภาษา (Non-Verbal Language) หมายถึง ภาษาที่ไม่ออกเสียงเป็นถ้อยคำ แต่สามารถสื่อให้เกิดความหมาย เกิดความรู้และความเข้าใจ เช่น การใช้สีหน้า ท่าทาง สัญลักษณ์ เป็นต้น
.....หากพิจารณาโครงสร้างของภาพยนตร์แล้ว จะพบว่ามีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นภาพ (Image) และส่วนที่เป็นเสียง (Sound) ส่วนประกอบทั้ง 2 เป็นสัญลักษณ์ และหรือสัญญาณที่ผู้สร้างภาพยนตร์ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้ชม อาจกล่าวได้ว่า ภาพและเสียงถือเป็นภาษาของภาพยนตร์

องค์ประกอบของภาษาภาพยนตร์

.....องค์ประกอบของภาษาภาพยนตร์ หมายถึง สิ่งที่มาประกอบกัน เพื่อให้เกิดเป็นภาษาภาพยนตร์ ที่ผู้สร้างใช้ในการสื่อสารไปยังผู้ชม โดยทำได้ 3 ทาง คือ
.....1.ภาพ ภาพที่เห็นปรากฏบนจอภาพยนตร์จะมีส่วนสัมพันธ์กับลักษณะภาพที่เลือกใช้ การเคลื่อนไหว ตลอดจนโทนแสงด้วย
..........ขนาดของภาพ ถูกกำหนดขึ้นจากระยะห่างจากกล้องถึง Subject ซึ่งมีหลายระยะห่าง ตั้งแต่ใกล้จนถึงไกล ที่นิยมใช้ มีดังนี้
..........Establishing Shot บางครั้งเรียก Long Shot หรือภาพไกล ในการแนะนำเรื่องหรือในตอนเริ่มต้นของภาพยนตร์ ใช้บอกสถานที่ที่เกิดเหตรวมทั้งอารมณ์และตัวแสดงุในเรื่อง ขนาดภาพมีลักษณะมุมกว้าง นอกจากนี้ยังนิยมใช้ในการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงเรื่องเวลา และสถานที่ของเหตุการณ์ได้เช่นกัน
..........Full Shot ขนาดของภาพชนิดนี้จะเห็นรูปทรงของ Subject เต็มตัว ถ้าเป็นบุคคลก็จะเห็นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ใช้ในการแนะนำตัวแสดงใหม่หรือสิ่งใหม่ต่อผู้ชม
..........Medium Shot หากเป็นภาพบุคคลก็จะเห็นตั้งแต่บริเวณบั้นเอวขึ้นไป จะใช้ภาพปานกลางกับตัวแสดงที่ต้องการใช้มือแสดงอากัปกริยาบางอย่าง
..........Tigh Two-Shot เป็นประเภทหนึ่งของภาพปานกลาง โดยเน้นที่เสนอภาพบุคคล 2 คน ร่วมเฟรมเดียวกัน เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน เช่น ทะเลาะกัน สนทนาปราศรัยกัน
..........Close-Up Shot หากเป็นภาพบุคคล จะเห็นเฉพาะส่วนศีรษะของบุคคลนั้น ภาพใกล้ใช้สำหรับเน้นรายละเอียดซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์นั้น
..........Extreme Close-Up Shot เป็นภาพในลักษณะใกล้มาก จะเห็นเพียงจุดใดจุดหนึ่งของ Subject เท่านั้น ภาพลักษณะนี้ใช้ในจุดที่มีความสำคัญมากที่สุด มีผลต่อความรู้สึกต่ออารมณ์ของผู้ชมมาก
..........การเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในภาพยนตร์ เป็นสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์แตกต่างจากภาพนิ่งและภาพเขียน การเคลื่อนไหวในภาพยนตร์ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ
..........การเคลื่อนไหวของ Subject ต่อหน้ากล้อง การเคลื่อนไหวนี้จะมีพลังมากในการดึงดูดสายตา ผู้ชมจะจับตาดูสิ่งที่เคลื่อนไหว โดยละความสนใจจากสิ่งอื่น
..........การเคลื่อนไหวที่เกิดจากการทำงานของกล้อง มีหลายวิธี คือ
...............-PAN เป็นลักษณะการกวาดภาพในแนวราบ โดยที่กล้องจะตั้งอยู่บนสามขา
...............-Switch Pan เป็นการเคลื่อนไหวกล้องในลักษณะของการแพน แต่จะมีความเร็วมากกว่าจนทำให้เกิดภาพพร่ามัว หรือที่เรียกว่า ภาพเบลอ
...............-Tilt เป็นการเคลื่อนไหวกล้องในแนวดิ่ง โดยตั้งกล้องบนขาตั้งกล้อง
...............-Trucking Shot เป็นการตั้งกล้องอยู่บนรถแล้วขับเคลื่อนไป เพื่อให้ช่างภาพรักษาจังหวะการเคลื่อนไหวของผู้แสดง
...............-Dolly Shot เป็นการตั้งกล้องไว้บนพาหนะที่มีล้อ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเคลื่อนกล้องเข้าไปใกล้ Subject หรือนำไปใช้ในการติดตามความเคลื่อนไหวของ Subject
...............-Crain Shot เป็นการติดกล้องไว้ตำแหน่งปลายของปั้นจั่น ซึ่งเคลื่อนที่ไปมาตามที่ต้องการได้
...............-Hand Held เป็นการใช้มือถือกล้องหรือแบกไว้บนบ่า เพื่อบันทึกภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้องเลย
..........การเคลื่อนไหวที่เกิดจากการทำงานของเลนส์
...............-การ Zoom In ช่วยสร้างความต่อเนื่องทางภาพให้กับ Subject โดยพื้นที่ที่ถูกบันทึกจะค่อยๆ ลดน้อยลง
...............-การ Zoom Out มีลักษณะตรงกันข้ามกับ Zoom In เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างรายละเอียดเล็กๆ กับเนื้อหาใหญ่
...............-การ Shift Focus เป็นการเปลี่ยนความคมชัดของภาพ จาก Subject ไกลไปใกล้ หรือใกล้ไปไกล
...............-Fallow Shot เป็นการบันทึกภาพขณะที่กล้องเคลื่อนที่ไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ของ Subject อาจเกิดจากการทำงานของ Dolly Pan Tilt ก็ได้
..........โทนแสง (Tonality) คือสัดส่วนของแสงสว่างที่สุด ไล่ไปจนถึงส่วนที่เป็นบริเวณเงาดำที่มีอยู่ในฉากเหตุการณ์นั้น โทนแสงจะช่วยสร้างอารมณ์และบรรยากาศให้แก่เรื่องราวได้ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ
..........แบบ Low Key Tonality มีเนื้อที่มากกว่าครึ่งในฉากอยู่ในเงาดำมืด แสดงถึงอันตรายต่างๆ ความหวาดกลัวของมนุษย์
..........แบบ High Key เนื้อที่มากกว่าครึ่งในฉากอยู่ในส่วนสว่าง นิยมใช้ในการแสดงถึงความสนุกสนานร่าเริง ภาพยนตร์เพลง
..........แบบ Narrative เป็นแสงสว่างที่มีลักษณะระหว่าง High Key และ Low Key บอกเหตุการณ์ที่บอกเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา


Webmaster :
Saranya Akrapranwat

Contact :
photodept@hotmail.com



 




Copyright ©2004 By www.btc.rit.ac.th/photodepartment All Rights Reserved



เว็บนี้ควรเข้าชมด้วย Internet Explorer 4.0 ขึ้นไป ขนาดตัวอักษร Medium Text Size และขนาดหน้าจอ 800X600 pixel
และรับชมได้เฉพาะภาษาไทยเท่านั้น (Thai Langague Only)